ออริจินส์ถือกำเนิดครั้งแรกในช่วงปลายปี 1980 นำเสนอความงามแบบเรียบง่ายท่ามกลางกระแสความฟุ้งเฟ้อ ออริจินส์ค้นคว้าวิจัยพืชพรรณธรรมชาติที่ดีที่สุดทั่วโลก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มอบประสิทธิภาพดูแลปัญหาผิวได้ตามความต้องการ มุ่งมั่นเสริมสร้างความสมดุลของสุขภาพจากภายในและภายนอกควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ออริจินส์เป็นแบรนด์หนึ่งที่บุกเบิกและเริ่มใช้มาตรการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของออริจินส์ผลิตขึ้นจากส่วนผสมของธรรมชาติ ใช้พลังงานแบบยั่งยืนที่ผลิตจากกังหันลม และกระบวนการผลิตทุกๆ ขั้นตอนล้วนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ทุกชนิดที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล อีกทั้งยังทำงานร่วมกับองค์กรระดับโลก Global ReLeaf ในการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วโลก

Founder

William P. Lauder, ประธานผู้ก่อตั้ง

"There was growing awareness of the need to take  responsibility for one's own personal health - and health of our planet."

1990

ออริจินส์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศสหรัฐอเมริกา ต้นไม้คู่ใหญ่ถูกเลือกเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ออริจินส์ซึ่งเปรียบเสมือนความสมดุลมั่นคง และหยินหยางความแตกต่างที่เสริมกันอย่างลงตัว ออริจินส์ผสมผสานพลังธรรมชาติหลากหลายและท้าพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน

ออริจินส์เปิดตัวผลิตภัณฑ์มาส์กถ่าน Clear ImprovementTM ขจัดสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขน นับเป็นจุดเปลี่ยนของการปรนนิบัติผิว ซึ่งในปัจจุบันก็ยังติดอันดับมาส์กยอดนิยมตลอดกาล

1991

ออริจินส์เปิด Free Standing Store สาขาแรกที่ Harvard Square, Cambridge, MA.

ออริจินส์เป็นร้านแห่งแรกที่เปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าเลือกชมและทดลองผลิตภัณฑ์ได้ตามใจชอบ

ออริจินส์เริ่มเปิดสาขาที่ต่างประเทศที่ Magasin K ประเทศเดนมาร์ก และขยายไปที่ห้างสรรพสินค้า KaDeWe ประเทศเยอรมันในปีต่อมา

1995

ออริจินส์เปิดเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง Harrods ที่ London

1997

ออริจินส์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Night-A-Mins ครีมบำรุงผิวอัศจรรย์แห่งมัลติวิตามินจากธรรมชาติฟื้นบำรุงผิวยาวค่ำคืน

2000

ออริจินส์เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี!

และขยายกว่า 40 สาขาไปยัง 15 ประเทศ อาทิ ไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์ และสเปน


Lynne Greene ได้รับการแต่งตั้งเป็น President of Origins

2005

ออริจินส์เป็นเครื่องสำอางแบรนด์แรกที่ร่วมมือกับ Dr. Andrew Weil ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์และผู้นำด้านการแพทย์แบบบูรณาการ คิดค้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสารสกัดจากธรรมชาติประสิทธิภาพสูง

2006

ออริจินส์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Modern FrictionTM ปฏิวัติการผลัดเปลี่ยนผิวหน้าให้เรียบเนียนอย่างอ่อนโยนด้วยแป้งข้าวญี่ปุ่น

2008

ออริจินส์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Salt Rub นวัตกรรมการขัดผิวที่มอบผิวเนียนนุ่มดุจทำสปาที่บ้าน ทำจาก เกลือทะเล Dead Sea ผสมกับน้ำมันหอมระเหยช่วยผ่อนคลายอย่างสเปียร์มินท์, ส้ม และ โรสแมรี่

Jane Lauder ร่วมงานกับออริจินส์ในตำแหน่ง General Manager

2009

ออริจินส์จัดตั้งโครงการ Plant-A-Tree โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกต้นไม้ ผ่านโครงการต่างๆ ของ American Forests' Global ReLeaf เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูความสมบูรณ์ของป่าไม้ คืนที่พักพิงให้สิ่งมีชีวิต เพิ่มความบริสุทธิ์แก่แหล่งน้ำและอากาศ ปรับระบบนิเวศน์ให้สู่ความสมดุลอีกครั้ง

นับจนถึงปัจจุบัน ออริจินส์สามารถปลูกต้นไม้ทั่วโลกกว่า 500,000 ต้นแล้ว

2010

ออริจินส์เปิดตัวครีมบำรุงผิวรอบดวงตา GinZing Refreshing Eye Cream ปลุกความสดชื่นรอบดวงตาที่เหนื่อยล้า ด้วยพลังจากเมล็ดกาแฟ

 

2011

ออริจินส์ปฏิวัติการบำรุงผิวมีอายุด้วยพลังธรรมชาติประสิทธิภาพสูงจาก Anogeissus เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Plantscription Anti-Aging Serum เพื่อผิวอ่อนเยาว์

ออริจินส์จำหน่าย Plantscription Serum จำนวนสูงถึง 15 ขวดต่อชั่วโมงทั่วโลก

2012

ออริจินส์เปิดตัวอีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mega-Bright serum ที่ได้รับความร่วมมือจาก Dr.Weil

2013

ออริจินส์เปิด Interactive Discovery Concept Store ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ "พลังจากธรรมชาติ ที่พิสูจน์ผลลัพธ์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์" ในร้านรูปแบบใหม่ตกแต่งอย่างสวยงาม ภายใต้แนวคิดห้องทดลองค้นคว้าวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ และGlass House สถานที่รวบรวมพันธุ์พืชนานาชนิดจากทั่วโลกของนักพฤกษศาสตร์

2014

ออริจินส์เปิดตัว Ojon ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ด้วยพลังธรรมชาติของน้ำมัน Ojon จากอเมริกากลาง

Stephane de la Faverie ได้รับการแต่งตั้งเป็น Senior Vice President / Global General Manager Of Origins, Ojon and Darphin.

 

2015

ออริจินส์ก้าวสู่ปีที่ 25!

และยังคงขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศโปแลนด์และฟิลิปปินส์